วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มนุษย์ MSN อิอิ

ประเภทที่ 1 : อกหักรักคุดตุ๊ดเมิน เกย์ไม่เอา ทอมไม่แล กระเทยทิ้งประเภท นี้หลายๆคนคงจะเห็นกันบ่อยคือชื่อที่ตั้งใน m จะเป็นอะไรที่เน่ามากๆ ไม่เคยคิดที่จะใช้ชื่อแบบอื่นเลย ในหัวมีแต่ความรักลอยเต็มหัว ไม่มีเวลาจะไปคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องรักๆใคร่ๆ ตัวอย่างชื่อที่ใช้ก็เช่น "ฉัน เป็นห่วง เธอ ..มากเลยรุ้มั้ย" , "อีกไม่ช้าไม่นานใจเธอจะต้องเปลี่ยนไปจากฉัน", "หรือเราจะรักกันไม่ได้อีกแล้ว" , "ขาดเธอเหมือนขาดใจ"ประเภท ที่ 2 : Away ทั้งชาติประเภทนี้คือตลอดเวลาที่ออน *** จะมีสถานะเป็น Away ตลอด แต่จริงๆแล้วก็อยู่หน้าคอมฯประเภทที่ 3 : สิ้นคิดสม กับชื่อประเภทที่บอกไปข้างต้นเพราะพวกเขาเหล่านี้จะตั้งชื่อใน m โดยใช้ชื่อที่สั้นๆ เช่น ใส่ "........" เป็นชื่ออย่างเดียว หรือ "- -" รึไม่ก็ทศนิยมตัวเดียว แทบจะเห็นชื่อของคนประเภทนี้เป็นสีขาวหรือว่างเปล่าไปเลยเวลามองใน List รายชื่อ ซึ่งที่ตั้งชื่อแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยู่ในอาการจิตตก....หรือขี้เกียจพิมพ์ ....หรือนึกไม่ออกว่าจะใช้ชื่ออะไรดีประเภทที่ 4 : หัวศิลป์ใคร ที่จะอ่านชื่อของมนุษย์ m ประเภทนี้ขอให้ทำใจเพราะบางทีตัวอักษรที่พวกเค้าใช้ตั้งในชื่อนั้น จะไปคัดสรรค์มาอย่างดีจาก Character Map ซึ่งศิลป์ขนาดที่ว่าอ่านกันไม่รู้เรื่องเลยทีเดียวชื่อ ที่มนุษย์ m ประเภทนี้ใช้ก็เช่น "? ? ? ? ? ? ? ? ? ? Ψ"ประเภทที่ 5 : ออน *** ผ่านมือถือมนุษย์ *** ประเภทนี้ชอบออน *** ผ่านมือถือ แต่พวกเขาเหล่านี้จะไม่ Chat หรือยินดีอยากให้มีคนทักมาหาเลย เพราะเวลาเปิดดูข้อความ/ส่ง *** ผ่านมือถือมันต้องเสียตังค์..... อีกเหตุผลนึงก็คือในมือถือมันพิมพ์ยาก+มันไม่แสดงผลชื่อเป็นสีหรือตัวหนาบาง ทำให้ชื่อคนที่ส่งข้อความมานั้นยาวเหยียด.....ก็มันไม่มี *** Plus นี่นาประเภทที่ 6 : ออน 24 ชม.พวก เค้าคือมนุษย์ m อย่างแท้จริงหากพวกเค้ายังมีชีวิต หากพวกเค้าต่อเน็ท จะต้องออน m เสมือนว่าชั้นยังมีตัวตนชั้นยังไม่หายไปไหน เมื่อคุณออน m ทุกครั้งคุณจะเห็นพวกเขาเหล่านี้ Online อยู่ใน List คุณเสมอๆจนน่ากลัว....ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ จนถึงตี 4 ตี 5 ยันเช้าเลยก็มิปาณ แต่พวกเขาจะอยู่หน้าคอมรึเปล่าก็อีกเรื่องนึงประเภท ที่ 7 : Busy ทั้งชาติประเภท นี้จะต่างกับ Away ก็ตรงที่พวกเค้าอาจจะทำอะไรที่เป็น Full Screen อยู่ซึ่งระบบจะขึ้น Busy ให้อัตโนมัติ (ถ้าตั้งค่าเอาไว้) ทักหาพวกเขาไปก็จะไม่ตอบกลับรึอาจจะตอบกลับมาว่า"ไม่ว่างเล่นเกมอยู่" ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักๆของมนุษย์ m ประเภทนี้ประเภทที่ 8 : สบถ/บ่น อย่างเดียวเหมือน กับชื่อประเภทที่กล่าวมาคือมนุษย์ m ประเภทนี้จะตั้งชื่อ m ไว้ระบายความเครียดบ่นรึสบถเพียงอย่างเดียว แล้วออนให้ชาวบ้านเห็นซึ่งเวลาที่เห็นชื่อมนุษย์ประเภทนี้ใน List รายชื่อจะชวนให้รู้สึกแย่/รำคาญ ได้ไม่มากก็น้อย และถ้าหากทักไปขณะที่พวกเขาใช้ชื่อแบบนี้อยู่ คุณอาจจะโดนพวกเค้าสบถ/บ่นกลับมอย่างทันควัน เพราะขณะนั้นพวกเค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักประเภทที่ 9 : Chat กระจาย คีย์บอร์ดกระเด็น *** ค้างประเภท นี้เมื่อพวกเขาเข้า M สิ่งที่จะต้องทำคือทักทุกคนที่ขวางหน้าและ Chat อย่างเมามันส์ ในรายชื่อ *** ของมนุษย์ประเภทนี้จะมีรายชื่อที่ Add ไว้เยอะมากมายไม่ต่ำกว่า 100 รายชื่อ บ้างก็อาจจะมากถึงหลายร้อยเลยทีเดียว ที่มีมากมายขนาดนี้เพราะพวกเค้าพยายามที่จะหาคนคุยด้วยอยู่ตลอดเวลาประเภท ที่ 10 : หน้าม่อ/หูดำ/หน้าเป็นอลูมิเนียมประเภท นี้จะเป็นเฉพาะผู้ชายซะส่วนใหญ่และพวกนี้จะไม่ต่างจากประเภทที่ 9 เท่าไหร่นัก ต่างกันตรงที่ แทนที่พวกเขาจะ Chat แต่กลับเป็นม่อแทน พวกนี้จะหมายหา Mail ของผู้ ญ เท่านั้น ในรายชื่อพวกเค้าแทบจะไม่มีผู้ชายเลย ซึ่งเมื่อทักไปหาคนพวกนี้แล้วถามว่าได้ Mail มายังไง พวกเค้าก็มักจะตอบว่า"ได้มาจากใน Exteen กั๊บ" , "ในบอร์ดกั๊บ" , "เพื่อนให้มากั๊บ" ซึ่งชะตากรรมพวกนี้จะจบลงด้วย"Block and Delete"ประเภทที่ 11 : Infecter !!! (ตัวแพร่เชื้อโรค)ประเภท นี้อันตรายกว่าประเภทที่ 10 มาก เพราะพวกเค้าเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นพวกใช้คอมฯไม่เป็นรึไม่ก็เสพติดการเปิด เว็ป** จนทำให้ Spyware และ Virus หมักหมมอยู่ในตัวเครื่องจนมันแพร่ออกมาทาง *** ของพวกเค้าคอยส่งความรำคาญให้ชาวบ้านแบบสุดๆ ชะตากรรมไม่ได้ต่างไปจากประเภทที่ 10 คือ "Block and Delete"ประเภท ที่ 12 : ปัญญาอ่อนในโลก Cyber (Cyber Syndrome)ประเภท นี้เป็นประเภทที่สื่อสารได้ยากมากที่สุด พวกเค้าเหล่านี้ไม่มีความสามารถในการเขียนหรือพิมพ์แต่อย่างใดใน *** หรือในโลกของจอมอนิเตอร์เลยเสมือนบุคคลพิการทางสมองก็มิปาน ถามไปก็ตอบไม่เป็นศัพท์ ไม่ได้ความ คนละเรื่อง จนต้องใช้วิธีโทรศัพท์ไปคุยแทน แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนปกตินี่แหละ ?ประเภท ที่ 13 : นักปราชญ์ถ้า ได้อ่านชื่อ หัวเอ็ม ของคนประเภทนี้คุณจะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เลยก็มิปาณ เพราะชื่อ *** ของพวกเค้าเหล่านี้จะเป็นปรัญญาหรือคำคม คติธรรม อุดมการณ์ไปซะหมดประเภท ที่ 14 : มือใหม่หัดเล่น mก็ อย่างที่ชื่อบอกพวกเค้าจะทำอะไรไม่ค่อยเป็นไม่ว่าจะส่งไฟล์ แชร์ไฟล์ แชร์ไวท์บอร์ด เปิดเว็ปแคมฯลฯ เพราะพวกเค้าส่วนมากจะไม่ใช่คนที่เล่นคอมฯเป็นชีวิตหรือเป็นคนที่พึ่งหัด เล่นคอมฯ จึงไม่ค่อยเข้าใจการพูดจาหรือสังคมในเน็ทมากนัก แล้วที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือพวกเค้าเหล่านี้ยังไม่มีสัมมาคาราวะเท่าที่ควร เพราะพวกเค้าส่วนมากคิดว่าการที่เค้าพิมพ์ผ่านจอมอนิเตอร์กับการพูดคุยกันใน โลกของความจริงมันต่างกันจึงพูดจาไม่ค่อยมีมารยาทนัก เช่น รู้ว่าคุยกับรุ่นพี่ก็ยังพูด "เออ" , "รู้แล้ว" พูดจาไม่มีหางเสียงเป็นต้นประเภท ที่ 15 : เกรียนประเภท สุดท้ายนี้ไม่อยากจะให้คำจำกัดความให้ปวดหัวเพราะทุกคนรู้กันดีอยู่ แล้ว.....ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ได้ Mail ของพวกเราชาวมนุษย์ไป Add ได้อย่างไร.....

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมวิธีแก้ sign in เข้าMsnไม่ได้

รวมวิธีแก้ sign in เข้าMsnไม่ได้
ที่มา คุณ NaDaRa
มาดูวิธีแก้คับ
เนื่องจากในปัจจุบันมีปัญหาใหม่จากอันเก่าที่เป็นรหัส 80048820 ซึ่งหลายคนคงจำรหัสนี้ได้เป็นอย่างดีมาแล้ว
ปัจจุบันมีรหัสใหม่ที่อาจจะป่วนใครหลายคนได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน นั่นคือรหัส 80048883
ซึ่งเป็นของแถมจาก MSN Version ใหม่ ๆ ซึ่งผู้ร่วมพัฒนาจึงได้แก้มาเป็น Version 7.5.0324 ให้เลยครับ มันเลยหลายเป็น Unofficial Released นะครับ
http://www.msn-th.com/downloads/msn750324.exe

สาเหตุที่เกิด โดยดูจาก Errorcode
ErrorCode : 80048883
1. ให้ไปที่ http://clientconfig.passport.net/ppcrlconfig.bin
2. แล้วโหลดไฟล์นั้นแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ppcrlconfig.dll นะครับ
3. แล้วคลิ๊กขวา copy แล้วไป paste ที่ C:\Documents and Settings\[Windows USER]\Application Data\Microsoft\IdentityCRL
4. แล้วลองเข้าดูครับ

ErrorCode : 80048848
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 ครับ

ErrorCode : 81000362
- สาเหตุ: เกิดจากที่ตัว IE เปิด Work OffLine ไว้ครับ
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 11 ครับ

ErrorCode : 800b001
- สาเหตุ: เกิดจาก MSN หาไฟล์พวก .dll บางตัวไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถ sign in ได้
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ

ErrorCode : 80048820
- สาเหตุ: เกิดจากวันที่ของเครื่องไม่ถูกต้อง
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ หรือตั้งวันที่ใหม่ครับ (แนะนำเพิ่มเติมเล็กน้อย)ควรตั้งเวลาที่Biosด้วย

ErrorCode : 80072ee7
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 คับ

ErrorCode : 80072eff , 80070193 , 800701f7
- สาเหตุ: เป็นปัญหาจาก .NET Messenger Service มีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากตัว .Net server
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 และ 4 คับ

ErrorCode : 80072efd
- สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 5 คับ

ErrorCode : 80072f0d
- สาเหตุ: เกิดจากที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ security ของ MSN ไม่ทำงาน
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 6 คับ ถ้ายังไม่หายให้เพิ่มข้อ 10 ด้วยคับ

ErrorCode : 80070190
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 3 คับ

ErrorCode : 80070301
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 , 7 และ 8 คับ

ErrorCode : 81000303 หรือ " Microsoft .NET Passport has made your account temporarily unavailable to help prevent other users from guessing or obtaining your password."
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ รหัสผ่านผิด
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 ,4 และ 7 คับ

ErrorCode : 81000306
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 8 คับ

ErrorCode : 81000314
สาเหตุ: ไฟล์ dll บางไฟล์ของ MSN ยังไม่ได้ทำการ Register
วิธีแก้:
- โหลดโปรแกรมนี้ไปแล้วกดเปิดครับ http://www.msn-th.com/downloads/msnallreg.bat
ErrorCode :80072745
สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
วิธีแก้:
- ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
- ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
- Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://www.msn-th.com/downloads/msnallreg.bat
- เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx ว่า Server รันอยู่หรือป่าว
---------------------------------------------------------------------------------------------------

วิธีแก้:
1. ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...

2. ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ

3. รีเซ็ต Register DLL files ของ MSN และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ
http://board.kailandz.com/download.php?id=2942

4. เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx ว่า Server รันอยู่หรือป่าว

5. Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help->About ใน IE
ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ

6. เปิด Internet Explorer ไปที่เมนู Options -> Internet Options.. -> Advancd แล้วดูที่หัวข้อ use SSL 2.0 และ use SSL 3.0 ให้ติ๊กถูกทั้ง 2 อัน

7. ให้ตรวจสอบ user name และ password ให้แน่ใจด้วยการกรอกใหม่อีกครั้งระวังตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ด้วยนะคับ

8. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ %appdata%\microsoft กด Enter และลบโฟล์เดอร์ชื่อ MSN Messenger (Emo และ DP ที่เพิ่มเข้าไปจะหายไปหมด)

9. อาจถูกบล็อคการใช้งานจากผู้ดูแลระบบ ลองติดต่อ admin คับ

10. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ regsvr32 initpki.dll กด Enter แล้วรอครับอาจจะนานหน่อยเป็น 10 นาที...
11. ตรวจเช็คการตั้งค่าใน IE และ MSN

เช็คว่า IE OffLine ไว้หรือป่าว
- เรียก Internet Explorer ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู File แล้วดูที่ Work Offline ว่ามีติ๊กไว้หรือป่าวถ้ามีให้เอาออก
ตรวจเช็คการตั้งค่า Proxy ใน IE
- เรียก Internet Explorer ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู Tools --> Internet Options
- คลิ๊กที่แท็บ Connections กดปุ่ม LAN Settings คับ
- เอาตัวติ๊กทั้งหมดออกคับ
- กด OK 2 ที
ตรวจเช็คการตั้งค่า Proxy ใน MSN
- เรียก MSN Messenger ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู Tools -- Options คับ
- เลือกที่ Connection กดปุ่ม Advanced Settings
- ลบทุกอย่างที่เติมไว้ในบล็อคคับ
- กด OK 2 ที

12. ตรวจเช็คไฟล์ hosts (อาจโดนเปลี่ยนโดย Spyware บางตัว)
- กดที่ Start ---> Run
- พิมพ์ notepad %SystemRoot%\system32\drivers\etc\hosts
- แล้วลบทั้งหมดออกเหลือไว้แต่ 127.0.0.1 , localhost แค่บรรทัดเดียวคับ
- แล้วสั่ง File -->Save แล้วปิดไปเลยคับ

ปล.ถ้าใครทำแล้วยังใช้ไม่ได้ให้ลองเพิ่มข้อ ,11 และ 12 ด้วยคับ

ขอบคุณ Mthai.com, msn-problems.com, Adslthailand.com ที่ให้ข้อมูลคับ

ปล. ขอให้โชคดี นะครับ
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 49 06:45:15

จากคุณ : ออนไลน์ - [ 24 ก.ย. 49 06:44:12 ]
**********************************************************************
ข้อมูลจาก http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2006/09/X4735380/X4735380.html ครับ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประกาศสอบราคาจ้างเหมา ทาสี + ปรับปรุงอาคารเรียน

สอบราคาทาสีอาคาร
โรงเรียนบ้านดอนชัย (กันทราษฎร์วิทยาคาร)
ด้วยโรงเรียนบ้านดอนชัย มีความประสงค์จะสอบราคาจ้าง ปรับปรุงซ่อมแซมเปลี่ยนหลังคาและทาสีอาคารเรียน
อาคารประกอบแบบ พร.003 ขนาด 4 ห้องเรียน กำหนดรับซอง-ยื่นซองสอบราคา
ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม - 20 พฤษภาคม 2553 เวลา 18.30 - 16.30 น. ณ โรงเรียนบ้านดอนชัย รายละเอียด(ตามเอกสารแนบ)
ดาวน์โหลด คลิก >> Download หรือ
IMG_NEW

ขอบคุณอีกครั้ง กับ บทความดีดี

ขอขอบคุณ Addphraeboard.com ที่สร้างสรรค์ผลงานดีดี

ขอขอบคุณ Addphraeboard.com ที่สร้างสรรค์ผลงานดีดี

พิริยาลัย ปัจฉิมนิเทศ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3

..

โรงเรียนพิริยาลัยจังหวัดแพร่ จัดกิจกรรม ปัจฉิมนิเทศ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3
ณ หอประชุมผึ้งหลวง
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา

..















ปัจฉิม ม.6 (ย้อนหลัง)

ปัจฉิม ม.6 ค่ะ
(ย้อนหลัง)

..



























ตึกเก่า ณ เจริญเมือง

บริเวณถนนเจริญเมือง แถวๆ ธนาคารกรุงไทย มีตึกเก่าอยู่ทั้งสองข้างถนน
ผมว่าวิวดีไม่น้อย ลองไปเช้าๆรอเก็บภาพประชาชนใส่บาตรภิกษุสงฆ์สามเณร ผมว่าสวยไม่แพ้ภูเก็ตนะคับ(คิดไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ)
นอกจากนี้ยังมีตึกแถวที่สร้างหลายยุคสมัย น่าจะเป็นเสน่ห์ของเมืองแป้ ลองเก็บภาพมาแบ่งกันดูนะคับ

แป้ เมืองน้อยๆที่สงบเงียบ แต่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมประเพณีและธรรมชาติที่งดงาม

พิริยาลัย ในอดีต

เรื่องน่ารู้ของ "ปลาการ์ตูน"



ปลาการ์ตูน (Clownfish) อันดับ Perciformes วงศ์ Pomacentridae วงศ์ย่อย Amphiprioninae เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเล มีหลายพันธุ์ จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกปลาสลิดหิน (Pomacentridae) พบอาศัยอยู่ตามแนวปะการังในบริเวณเส้นศูนย์สูตรทั่วโลก อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเล (sea anemone) มีสีสันสวยงาม โดยทั่วไปประกอบด้วยสีส้ม แดง ดำ เหลือง และมีสีขาวพาดกลางลำตัว 1-3 แถบ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นชนิดเดียวกัน ก็จะมีสีแตกต่างกันเล็กน้อยเสมอ ซึ่งความแตกต่างนี้ทำให้มันจำคู่ได้ นอกจากนั้น แหล่งที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันทำให้เกิดการแปรผันด้วย ปลาการ์ตูนอยู่กันเป็นครอบครัว กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร เป็นปลาที่หวงถิ่นมาก มีเขตที่อยู่ของตนเอง

ปลาการ์ตูนออกลูกเป็นไข่ และมันสามารถเปลี่ยนเพศได้ เรื่องนี้ นพดล ค้าขาย แห่งศูนย์การศึกษาการพัฒนาประมงอ่างคุ้งกระเบน อธิบายว่า ปลาการ์ตูนเปลี่ยนเพศเมื่อสิ่งแวดล้อมกำหนดบทบาทให้ โดยในระยะแรกเริ่มหลังจากที่ฟักออกจากไข่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าเป็นเพศใด จนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยจึงจะปรากฏเป็นปลาเพศผู้ และในปลารุ่นเดียวกันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะต้องเปลี่ยนแปลงเป็นปลาเพศเมีย โดยในสังคมของปลาการ์ตูนกลุ่มหนึ่งๆ จะมีปลาเพศเมียเพียงตัวเดียวเท่านั้น ตัวใหญ่ที่สุดในฝูง สีสันไม่สดใสมากนัก พฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนปลาเพศผู้มีขนาดเล็กกว่า สีสันสวยงามกว่า

จากปลาเพศผู้ เมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกและภายในเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เทเลนฟาลอน (Telenephalon) จะส่งสัญญาณมาที่ธาลามัส (Thalamus) และไฮโปธาลามัส (Hypothalamus) ส่งคำสั่งไปยังต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนเฉพาะของเพศผู้ อวัยวะเป้าหมายส่วนที่ จะพัฒนาจนสามารถทำงานได้คืออัณฑะผลิตสเปิร์ม ส่วนตัวที่ใหญ่ ที่สุดจะมีพัฒนาการตรงกันข้าม ไฮโปธาลามัสจะส่งคำสั่งไปยังต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนเฉพาะของเพศเมีย อวัยวะเป้าหมายคือรังไข่ ผลิตไข่ และถ้าเพศเมียตายไป ปลาการ์ตูนเพศผู้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพศทดแทนด้วยกลไกแบบหลังภายใน 4 สัปดาห์ โดยจะเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็ว พร้อมสีสันสวยน้อยลง

ปลาการ์ตูนมีทั้งหมด 28 ชนิด ในเมืองไทยพบปลาการ์ตูน 7 ชนิด พบทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ได้แก่ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ปลาการ์ตูนแดง ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนอินเดียน

ดอกไม้ทะเลที่ปลาการ์ตูนชื่นชอบ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มันมีเข็มพิษ แต่ไม่เป็นอันตรายกับปลาการ์ตูน เป็นพฤติกรรมที่สัตว์สองชนิดพึ่งพากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดอกไม้ทะเลมีหนวดยาวมากมายพลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำ ส่วนร่างยึดติดกับโขดหินหรือปะการังเอาไว้ หนวดที่เห็นอ่อนนุ่มเป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้หาอาหาร บริเวณปลายหนวดเต็มไปด้วยเข็มพิษจำนวนมหาศาล เมื่อมีปลาว่ายหลงผ่านมา ดอกไม้ทะเลจะใช้หนวดพิษทิ่มแทงเหยื่อให้เป็นอัมพาต แล้วใช้หนวดจับเข้าปาก จึงไม่มีปลาอื่นกล้าว่ายเข้าใกล้ดอกไม้ทะเล ยกเว้นเพียงปลาการ์ตูน มันเที่ยวว่ายหากินสาหร่ายเล็กๆ อยู่รอบๆ ครั้นมีศัตรูมารบกวน มันจะรีบว่ายเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในกอดอกไม้ทะเล

ซึ่งที่จริงปลาการ์ตูนก็ได้รับพิษเช่นกัน แต่มันรู้จักปรับตัวโดยใช้วิธีว่ายเข้าไปสัมผัสกับดอกไม้ทะเลทีละน้อยๆ แล้วถอยออกมา ทำอยู่จนกระทั่งร่างกายสร้างเมือกขึ้นมาคลุมตัว ช่วยป้องกันเข็มพิษดอกไม้ทะเลได้ในที่สุด สรุปว่าที่ปลาการ์ตูนไม่ตายเพราะพิษของดอกไม้ทะเลเพราะมีเมือกเคลือบทั้งตัว ถ้าเอาเมือกออกปลาการ์ตูนจะถูกพิษของดอกไม้ทะเลตาย

ปัจจุบันมีการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนตามศูนย์วิจัยหรือฟาร์มต่างๆ แต่ลูกปลาที่ได้จากการเพาะพันธุ์ไม่สามารถนำไปปล่อยแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติ เพราะมันไม่สามารถปรับตัว ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากศัตรู สุดท้ายก็ต้องไปเป็นเหยื่อปลาที่อยู่ตามธรรมชาติ

แบงค์ร้อยใหม่ เร็วๆนี้

แบงค์ร้อยใหม่ เร็วๆนี้

คุณเคยแอบรัก "เพื่อน" บ้างมั้ย?

อยากเห็นทุกคน "ทำความดี" อิอิ

คำนวณเลข ผ่าน Google

ปกติ ผมจะแอบใช้ในห้องสอบ อ่ะครับ

เป็นมือถือ ที่ต่อเน็ตได้ หรือไม่ก็ PDA Phone

หรือว่า Smart Phone

เข้า Google แล้วก็ลองๆ ใช้สูตรดูนะครับ

ความ(ไม่)ลับ ครับ

อิอิ

ออกฝึก Portrait อิอิ





เรื่องบนเตียงต้องอาศัยทัศนคติและความ เข้าใจที่ถูกต้อง

เรื่องบนเตียงต้องอาศัยทัศนคติและความ เข้าใจที่ถูกต้องเพื่อให้เซ็กส์เป็นไปอย่าง ราบรื่น มิใช่แค่เมื่ออารมณ์เริ่มร้อนระอุ ก็เปิดศึกกระโจนเข้าใส่กัน แค่พอให้ไฟราคะมอดไหม้เป็นครั้งคราวไป มาดูข้อผิดพลาดของผู้หญิงที่มีผลต่อชีวิตเซ็กส์ดังนี้ค่ะ


1. ผู้หญิงคิดว่าผู้ชายเตรียมพร้อมออกรบได้ตลอดเวลา วู้ย ถ้าเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 เนื้อกำลังหวานกรุบกรอบและเพิ่งมีแฟนคน แรก ก็ว่าไปอย่าง ไม่ว่าจะเดินเหิน ลุกนั่ง หรือฝันกลางวัน หนุ่มเอ๊าะสามารถแทรกเรื่องบนเตียงเข้าไปด้วยได้เสมอ แต่สำหรับผู้ชายวัยยี่สิบกว่า ยังมีเรื่องอื่นในชีวิตที่ต้องให้ความ สนใจ ความต้องการทางเพศย่อมลดลงเป็นธรรมดา ผู้ชายไม่ใช่ไวเบรเตอร์นี่คะ จะได้กดปุ่มสตาร์ทเครื่องแล้วลุยได้ทันที นี่คือเหตุผลที่โลกนี้มีสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์เรียกว่าไวเบรเตอร์


2. ผู้หญิงคิดว่าเซ็กส์สิ้นสุดเมื่อเขา หลั่ง ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นค่ะ สำหรับคู่ขาที่เห็นแก่ตัวเซ็กส์มักจบลงด้วยการทิ้งตัวนอนแผ่ และปากเพ้อว่า “สุดยอดมากๆ” ปล่อยให้ผู้หญิงแห้งโหยห่อเหี่ยว ความจริงคือถึงแม้เจ้าหนูหมดเรี่ยวแรง แต่ปากกับมือก็ยังใช้ได้นี่นา สิ่งที่ผู้หญิงควรทำคือเรียกร้องให้เขาใช้มือช่วยกระตุ้นเพื่อไม่ ให้ขาดตอน เมื่อหายเหนื่อยแล้วค่อยใช้ปากช่วยเสริมให้อารมณ์ต่อเนื่อง ทางที่ดีผู้หญิงควรถึงจุดสุดยอดก่อน เพราะผู้ชายจะง่วงทันทีหลังไคล แมกซ์


3. ผู้หญิงไม่รู้ว่าสำหรับผู้ชาย เซ็กส์เป็นมากกว่าเซ็กส์ ผู้ชายมักมีเซ็กส์เพื่อให้รู้สึกว่าเป็นที่ต้องการ จึงยากที่จะเชื่อว่าผู้ชายมีความรู้สึกดื่มด่ำลึกซึ้งตอนที่กำลัง ล้วงมือ เข้าใต้กระโปรงหรือตอนฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจของผู้หญิง ความจริงแล้วสำหรับผู้ชายเซ็กส์คือวิธีที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง ถูกยอมรับ ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ ผู้ชายบางคนไม่ถนัดในการแสดงอารมณ์เหมือน ผู้หญิง ก็เลยใช้เซ็กส์เป็นวิธีแสดงความรักและใกล้ชิดแนบแน่น ดังนั้นการปฏิเสธเซ็กส์ ในสายตาผู้ชายบางคนอาจหมายความว่า เราไม่ชอบหรือไม่ต้องการเขา วิธีแก้คือ อย่าปฏิเสธ ให้ถามว่าเมื่อไร และเคลียร์ไปเลยว่า เราปฏิเสธแค่เซ็กส์ แต่ยังพูดคุยแตะเนื้อต้องตัวได้ตามปกติ


4. ผู้หญิงกังวลรูปร่างตัวเองมากไปในตอนมีเซ็กส์ ผู้หญิง บางคนน้ำหนักขึ้นแค่ 1-2 กก. ก็ไม่กล้ามีเซ็กส์เป็นอาทิตย์ หากมัวรอวันผอมสวย ชาตินี้อาจงดเซ็กส์ไปเลยก็ได้ เรื่องจริงคือ เมื่อผู้ชายอยากมีเซ็กส์กับเรา เขาจะคิดว่าเราคือผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดบนโลกมนุษย์ในวินาทีนั้น และถ้าเขาอยากมีเซ็กส์กับเราอีก นั่นแสดงว่าเขาชอบรูปร่างของเรามากพอที่จะกลับมาขออีกสักครั้ง ไปๆมาๆความสัมพันธ์อาจยืดเยื้อเป็นปี คงต้องบอกกันไว้ตรงนี้ค่ะว่า จากการศึกษาหลายสำนักพบว่า ผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงที่มีส่วนโค้งส่วนเว้ามากกว่าผู้หญิงผอม กะหร่อง ดังนั้นเลิกกังวลกับรูปร่างตัวเอง เพื่อเซ็กส์ที่มีความสุขดีกว่าค่ะ


5. ผู้หญิงไม่บอกความต้องการ ระบบเซ็กส์ของผู้ชายเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก เมื่อเกิดอารมณ์ เจ้าหนูก็แข็งตัวตั้งเด่ หลังจากสอดใส่ได้สักพักก็ถึงจุดสุดยอด แต่สำหรับผู้หญิงเซ็กส์ซับซ้อนกว่านั้น ต่อให้ไอน์สไตน์ก็ยังนึกไม่ออก ว่า ทำอย่างไรถึงถูกใจเธอ เราจึงต้องบอกให้ผู้ชายรู้ว่า ตรงไหนควรแตะ ตรงไหนควรคลึงเค้น เมื่อไร อย่างไร หนักเบาหรือเร็วช้าเพียงใด ควรให้รายละเอียดมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ รับรองว่าเซ็กส์สะบึมแน่นอนค่ะ


6. ผู้หญิงมักวิตกเกินกว่าเหตุเมื่อผู้ชายขอลองของใหม่ แหม คุณผู้หญิงขา มันก็เหมือนกับว่า เขากินก๋วยเตี๋ยวมาสองอาทิตย์แล้ว วันนี้ขอเปลี่ยนเป็นข้าวผัด ฝ่ายหญิงก็เกิดจิตตก โวยวายว่า เขาเบื่อรสมือของเราแล้วหรือไร เขาหมดรักเราแล้วใช่ไหม อารมณ์อยากเปลี่ยนแปลงลองของใหม่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเสียหาย ถือเป็นการเติมสีสันให้ชีวิตรัก ไม่ใช่เรื่องควรหวั่นวิตก เป็นธรรมชาติของมนุษย์ อย่าคิดมากค่ะ


ผู้ชาย จำนวนหลายล้านปฏิเสธ เซ็กส์เพราะความเครียด ผลการวิจัยพบว่า ผู้ชายร้อยละ 15 ยอมรับว่า ปัญหาสุขภาพจิตมีผลอย่างรุนแรงต่อความต้องการทางเพศ



พอกหน้า รักษาสิว

พอกหน้ารักษาสิว


พอกหน้ารักษาสิว (ชีวจิต)

พูดถึงสิว ถึงแม้จะเป็นแค่เม็ดจิ๋ว ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องขี้ปะติ๋วที่จะมองข้ามได้ เพราะเล่นเอาหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคนถึงกับหมดความมั่นใจไปเลยทีเดียว

สาเหตุใหญ่ของการเกิดสิว คือ การอุดตันของไขมันส่วนเกินบนใบหน้า บางคนมีปัจจัยเรื่องพันธุกรรมหรือฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม การควบคุมการเกิดสิวกรือการรักษาสิวให้ได้ผลอย่างชะงัดนั้น คุณควรใส่ใจตั้งแต่เรื่องของอาหาร อารมณ์ การพักผ่อน การออกกำลังกาย รวมถึงการดูแลทำความสะอาดด้วย

นอกจากนี้ หากว่าคุณพอจะมีเวลาว่างสักหน่อย ลองมาทำมาสก์พอกหน้ารักษาสิวใช้เองดูสิคะ ตามสูตรข้างล่างนี้

สูตรที่ 1

ล้างหน้าให้สะอาด ใช้ไข่แดงทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ไข่แดงมีโปรตีนและกรดไขมันมาก จะช่วยให้หน้าคุณสดชื่น และขจัดสิ่งอุดตันรูขุมขนได้

สูตรที่ 2

สำหรับคนที่มีผิวหน้ามันโดยเฉพาะ ล้างหน้าให้สะอาด แล้วใช้น้ำผึ้งผสมกับข้าวโอ๊ตทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นเช่นกัน ข้าวโอ๊ตมีสรรพคุณพิเศษในการช่วยดูดซับความมันจากผิว

สูตรที่ 3

มะเขือเทศหรือน้ำมะนาวเป็นสิ่งที่ดีมากต่อผิวคุณ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปไม่ให้อุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ล้างหน้าให้สะอาด บีบมะนาวลงในถ้วยเล็ก ๆ ชุบด้วยสำลี แล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า 2-3 ครั้ง รอจนน้ำมะนาวแห้ง ประมาณ 10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากคุณมีผิวที่ค่อนข้างอ่อนบาง ควรผสมน้ำเปล่าในน้ำมะนาวเพื่อให้เจือจางลง แต่ถ้าจะใช้มะเขือเทศก็ให้ฝานเป็นแว่น ๆ หนาพอประมาณ นำมาถูให้ทั่วใบหน้า เมล็ดเล็ก ๆ ในผลมะเขือเทศนั่นแหละที่ช่วยขัดผิวให้คุณ

ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน จะสังเกตเห็นความมหัศจรรย์ใน 14 วัน


เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ผู้หญิงในวัยไหน ควรตรวจอะไร?

อายุ 10-29 ปี

ตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูก

หมายถึง การตรวจระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรีและการตรวจหามะเร็งปากมดลูกหรือ แป๊ป เทสต์ (Pap Test) ช่วงนี้เป็นวัยเจริญพันธ์ตามธรรมชาติ การตกไข่ การมีประจำเดือน การมีเพศสัมพันธ์เริ่มและมีมาก และปัจจุบันพบว่าโรคทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเรื่องของการติดเชื้อ HIV (Human Papiloma Virus) เป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งที่ปากมดลูก ดังนั้น ไม่ว่าจะอายุน้อยแค่ไหน แต่เมื่อไรที่มีเพศสัมพันธ์หรืออายุ 18 ปีขึ้นไป แม้ว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น ควรเริ่มตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูกได้แล้ว การตรวจนั้น หมอจะดูที่อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกก่อนว่ามีปัญหาอะไรบ้างไหม ไม่ว่าจะเป็นผื่นแดงหรือแผลใด ๆ จากนั้นจะใช้เรื่องมือที่คล้ายปากเป็ดยาว ๆ ขนาดไม่ใหญ่ใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อจะได้มองเห็นผนังช่องคลอดหรือปากมดลูก แล้วหมอจะเอาไม้แบน ๆ และแปรงเล็ก ๆ เขี่ยเอาเซลล์ที่ปากมดลูกและรูปากมดลูกออกมาป้ายบนแผ่นกระจกใสแช่น้ำยา เพื่อส่งไปให้หมอทางพยาธิวิทยาดูว่ามีความผิดปกติในทางที่จะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งหรือไม่ จากนั้นก็จะเอาเครื่องมือออกแล้วหมอจะเอานิ้วมือสอดเข้าไปในช่องคลอด และเอาอีกมือกดที่หน้าท้องเพื่อช่วยคลำขนาดของมดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ โดยปกติแล้วควรตรวจภายในอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

การตรวจวัดความดันโลหิต

ปกติทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลจะต้องวัดความดันโลหิตอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เคยเจ็บป่วยอะไรเลย ทุก ๆ 2 ปี ควรจะวัดความดันโลหิตสักครั้ง ซึ่งไม่ควรเกิน 140/90 มม./ปรอท แต่ถ้าเป็นคนน้ำหนักมากหรือมีใครในครอบครัวที่มีความดันโลหิตสูงอยู่ ควรวัดปีละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย

ตรวจคอเรสเตอรอล

หากมีระดับคอเรสเตอรอลสูงจะเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง ดังนั้น ถ้าอายุ 20 ปีขึ้นไป ควรตรวจหาคอเรสเตอรอล ทุก ๆ 5 ปีเป็นอย่างน้อย โดยการเจาะเลือดไปตรวจ
ตรวจผิวหนัง

ถ้ามีไฝขรุขระหรือผิวมีสีแตกต่างไป ควรให้แพทย์ช่วยดูแลให้อย่างน้อยทุก ๆ 3 ปี แต่ถ้ามีลักษณะเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะใหญ่ขึ้นหรือสีเปลี่ยนก็ตาม ควรรีบไปพบแพทย์ทีนทีเพราะอาจเป็นเรื่องของมะเร็งที่ผิวหนัง

ตรวจเต้านม

ควรตรวจด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงที่เต้านมไม่คัดตึงคือช่วงปลายสัปดาห์ที่ 2 ของการมีรอบเดือน เพราะจะทำได้ง่ายและตรวจสอบได้ถูกต้องแน่นอนว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติอะไรในเต้านมตนเองหรือไม่ แล้วเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป ค่อยไปให้หมอช่วยตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรแน่ ๆ ทุก ๆ 3 ปี เป็นอย่างน้อย

ตรวจหาโรคทางเพศสัมพันธ์

ควรพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดหาโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี และการติดเชื้อไวรัส เริม หนองใน ไวรัส HPV Chlamydia เป็นต้น

ตรวจฟัน

โดยปกติระยะเวลาที่ฟันเริ่มเสียจนกระทั่งเกิดความเสียหายขึ้นจะไม่เกิน 6 เดือน ดังนั้น จึงควรตรวจสุขภาพฟันทุก ๆ 6 เดือน เป็นอย่างน้อย

ตรวจตา

ถ้าปกติไม่มีปัญหาอะไรก็ควรตรวจวัดสายตาทุก 3 ปี เป็นอย่างน้อย แต่ถ้ามีความปกติไม่ว่าจะสายตาสั้น ตาเอียง ก็ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


อายุ 30-49 ปี

เอกซเรย์เต้านม (Mammogram)

การตรวจหามะเร็งที่เต้านมได้พบตั้งแต่ยังเล็ก ๆ อยู่นั้นจะทำให้การรักษาได้ผลดี การทำ x-rays Mammogram จะทำให้พอแยกแยะได้ว่าก้อนที่เต้านมที่เกิดขึ้นมีลักษณะในทางที่บ่งชี้ว่าน่าจะเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือไม่ และเราสามารถที่จะพบมันได้ แม้ว่าก้อนจะยังเล็กจนคลำด้วยมือพบได้ยากก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลสรุปที่แน่นอนว่า ควรทำ Mammogram บ่อยเพียงใด บางสถาบันบอกว่าถ้าอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ควรทำทุก 1-2 ปี บางสถาบันบอกว่าควรทำทุก 1 ปี โดยเฉพาะถ้ามีประวัติมะเร็งที่เต้านมในครอบครัว (การทำ Mammogram นั้น จะใช้แผ่นพลาสติกใสบีบรัดเต้านมให้แผ่แบนมากที่สุดรวมถึงท่อน้ำเหลืองที่ใต้รักแร้ด้วย โดยทำในท่าขนานกับลำตัว และตั้งฉากแนวนอนกับลำตัว เพื่อจะได้เห็นทุกระนาบโดย x-rays และใช้เครื่องเสียงความถี่สูง (Ultrasonogram) เพื่อช่วยตรวจหาก้อนเหล่านั้นอีกด้วย ในการทำต่อเนื่องประกอบกันตอนบีบเต้านมเพื่อ x-rays นั้น อาจรู้สึกเจ็บบ้างแต่ก็ไม่มากจนทนไม่ได้) และเพื่อให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดและรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด ควรทำตอนที่เต้านมไม่คัดตึง คือ ช่วงปลายสัปดาห์ที่ 2 ของรอบเดือน นับจากประจำเดือนมาวันแรก

ตรวจหาเบาหวาน

อาจตรวจได้ทุก ๆ ปี และเพื่อให้ได้ผลตรวจแน่นอน ควรงดน้ำและอาหารก่อนเจาะเลือดตรวจอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ถ้ามีน้ำหนักมากหรือมีประวัติการเป็นเบาหวานในครอบครัว หรือถ้าอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็ควรตรวจปัสสาวะปีละครั้งเป็นอย่างน้อย

ตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูก

ประจำเดือนผิดปกติหรือการปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าทีความผิดปกติที่มดลูกได้ ควรบันทึกการมีประจำเดือนไว้เสมอว่า วันแรกของทุกครั้งคือเมื่อไหร่ มากี่วัน ใช้ผ้าอนามัยวันละกี่ผืน มีเลือดเป็นก้อนหรือไม่ เพื่อความง่ายและถูกต้องแม่นยำในการค้นหาสาเหตุของโรค ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ตรวจทวารหนัก
อายุหลัง 40 ปี ทุกครั้งที่ตรวจภายในก็ควรตรวจทางทวารหนักด้วย เพื่อดูว่ามีสิ่งผิปกติใด ๆ บ้าง การตรวจนั้นแพทย์จะเอานิ้วสอดเข้าไปในรูทวารหนักสูงขึ้นไปเหนือหูรูดทวารหนักเพื่อคลำดูผนังของมันรวมทั้งเนื้อเยื่อชิ้นระหว่างผนังช่องคลอดและทวารหนักด้วย โดยเฉพาะถ้ามีประวัติการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัวก็ควรบอกแพทย์เพื่อตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อค้นหาแต่เนิ่น ๆ

ตรวจคอเรสเตอรอล

ระหว่างอายุ 40-60 ปี ผู้หญิงมักจะมีระดับคอเรสเตอรอลสูงขึ้นจากระดับเดิมได้ง่ายขึ้นเพราะการขาดเอสโตรเจนในช่วงหลังจากหมดประจำเดือน ดังนั้นควรตรวจเลือดหาระดับคอเรสเตอรอลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ตรวจผิวหนัง

หลังจากอายุ 40 ปี ควรตรวจผิวหนังปีละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อยเพื่อค้นหามะเร็งผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับผิวสีคล้ำผิดปกติหรือไฝที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตรวจฟัน
อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป อาจเกิดโรคเหงือกบางชนิดได้บ่อยขึ้นจึงควรตรวจฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

ตรวจฝากครรภ์

ในกรณีตั้งครรภ์ การตรวจฝากครรภ์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้ลูกที่มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ที่สุด และแม่มีภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด โดยเฉพาะถ้าแม่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการดูโครโมโซมของลูกว่าผิดปกติใด ๆ หรือไม่ด้วย ซึ่งมักจะทำเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 17 สัปดาห์ โดยการเจาะน้ำคร่ำเพื่อเอาเซลล์เด็กออกมาหาโครโมโซม การเจาะน้ำคร่ำอาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้บ้าง แต่แพทย์จะใช้อัลตร้าซาวด์ช่วยนำทางให้เห็นถึงการแทงเข็มในจุดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้เกิดอันตรายน้อยที่สุด

ตรวจตา

ปัญหาสายตามักเกิดขึ้นในวัย 40 ปีขึ้นไป เมื่อเริ่มอ่านหนังสือไม่เห็นในระดับความห่างเท่าเดิม เมื่อเริ่มมีปัญหาควรตรวจได้เลย แต่ถ้าไม่มีปัญหา ควรตรวจทุก ๆ 2 ปีเป็นอย่างน้อย



อายุ 50-69 ปี

ตรวจหัวใจ

โดยมากผู้หญิงจะเริ่มเป็นโรคหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงก็หลังจากหมดประจำเดือน ซึ่งมีเอสโตรเจนลดลง จะทำให้สมดุลของไขมันในเลือดผิดไปจากเดิม ทำให้เส้นเลือดอุดตันได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงควรดูระดับคอเรสเตอรอลในเลือด วัดความดันโลหิตและตรวจคลื่นหัวใจ (Electric Cardiogram) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ตรวจหามะเร็งลำไส้

ทุกปีเป็นอย่างน้อย ควรตรวจอุจจาระว่ามีเลือดปนเปื้อนออกมาหรือไม่ และตรวจทางทวารหนักด้วยนอกจากนี้ควรตรวจ Sigmoidoscopy คือ การเอากระบอกเล็ก ๆ มีรูเปิดบนร่างสอดเข้าไปในทวารหนักถึงลำไส้ส่วนล่างสุด เหนือหูรูดขึ้นไปเพื่อดูผนังลำไส้ว่าผิดปกติใด ๆ บ้าง ควรทำทุก 5 ปี และบางกรณีต้องทำ Colonoscopy ด้วยการส่องกล้องผ่านเข้าทางทวารหนักเพื่อดูตลอดแนวของลำไส้ใหญ่ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่

ตรวจ Mammogram

ถ้าอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ทุก ๆ สถาบันมักจะแนะนำเหมือน ๆ กันว่าควรทำ Mammogram ทุก ๆ ปี

ตรวจภายในและมะเร็งปากมดลูก

ถึงแม้จะลดหรือเลิกการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ควรตรวจภายในทุกปี ปีละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย

ตรวจความหนาแน่นของกระดูก

ผู้มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป มากกว่า 50% พบว่า กระดูกเสื่อมสลาย ผุกร่อน พรุนบางลง ทำให้กระดูกหักง่ายและต่อติดยาก การวัดความหนาแน่นทางกระดูกมักจะทำ 3 จุดโดยการ x-rays ที่กระดูกข้อสะโพก กระดูกสันหลังและข้อมือ และถ้าพบว่ากระดูกบางก็จะได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนหรือยาอื่น ๆ เพิ่มแคลเซียม และการออกกำลังกาย ควรตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกอย่างน้อย 1 ครั้งในวัยเริ่มหมดประจำเดือน
ตรวจการได้ยินเสียง

การได้ยินเสียงจะลดลง ในคนอายุเกิน 50 ปีขึ้นไปและเป็นการยากที่จะหยุดยั้งการเสื่อมสลายของระบบนี้ แต่แพทย์จะช่วยให้ใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อลดภาระการทำงานหนักของหูชั้นกลางได้

ตรวจตา

ต้อกระจกและต้อหินมักจะเป็นสาเหตุของการมองไม่เห็นในคนอายุนี้ ควรตรวจสายตาทุก 1-2 ปี และเมื่ออายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกปี เพื่อช่วยให้ความเสื่อมของสายตาช้าลงและลดการเกิดปัญหาต่อเนื่องได้

เรียบเรียงจากบทความของ พ.ญ.นิศานาถ ธนะภูมิ

วิธีฝึกสมอง แบบ หนูดี

1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์
เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน
ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดีที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที
เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Thet a ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า
ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน)

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา ฯลฯเพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอนเดอร์ฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื ่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเองเป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ
ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข ฯลฯ เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึกๆ
สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ยิงฟันยิ้ม เศร้า รูดซิบปาก

ไลฟสไตล์มรณะ " ทั้ง 14 ประการ

" ไลฟสไตล์มรณะ " ทั้ง 14 ประการ
ข้อมูลดี ๆ จาก นพ . กฤษดา ศิรามพุช , พบ .( จุฬาฯ )

เซลล์มะเร็ง เป็นคล้ายสัตว์กินเนื้อที่ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการแตกรากออกไปดูดกินสารอาหารจากในร่างกายจนทำให้ผ่ายผอมและกลายเป็นรังมะเร็งในที่สุด

แต่ถ้าท่านยังไม่อยากสร้างสิ่งมหัศจรรย์ในกายประเภทสวนลอยแห่งมะเร็งไว้แข่งกับ บาบิโลน ก็ขอให้เลี่ยงวิถีที่จะเปลี่ยนกายให้เป็นแม่เหล็กดูด มะเร็งชั้นดี ขอให้เลี่ยงพฤติกรรมที่มะเร็งโปรดทั้งหลายต่อไปนี้ ครับ

1) นอนดึก ทำ ให้ไม่มีฮอร์โมนต้านมะเร็งหลั่งออกมา นอกจากนั้นยังจะทำให้เกิดโรคร้ายอื่นได้ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และโรคอ้วน ด้วยว่าเมื่อนอนดึกแล้วมักจะหิวและต้องหาของขบเคี้ยว มากินแก้ปากว่างกัน

2) สูบบุหรี่และขี้เหล้า ทั้ง สองสิ่งนี้ทำให้ปอดและตับทำงานหนัก แม้จะสูบซิการ์ซึ่งมีนิโคตินต่ำกว่าบุหรี่ก็ตามที หรือดื่มเหล้าแบบกลั่นอย่างดีของฝรั่ง แต่ตัวมันเองก็สร้าง "สนิมมะเร็ง" ออกมาไม่น้อย ทำให้คนที่เสพทั้งแก่เร็วและตายไวได้จากโรคมะเร็งครับ

3 ) เอาแต่ไขมันเข้าปากและอยากแต่เนื้อแดง ไขมัน อิ่มตัวและโปรตีนจากเนื้อนั้นเป็นแหล่งอาหารชั้ นหนึ่งของมะเร็งที่จะ ใช้เจริญเติบโตได้ไม่แพ้ทารกเกิดใหม่ มันจะสร้างหลอดเลือดยื่นไปดูดกินเลือดเนื้อของเราจนแ ทบไม่เหลือเลือดอัน สมบูรณ์ไปเลี้ยงอวัยวะอื่น ตัวเราจึงผอมเอาๆ ตรงข้ามกับมะเร็งกาฝากที่โตไวไม่มีลิมิตชีวิตหดหู่แน ่

4) แฝงด้วยเครียดจัด จนมีสารทุกข์หลั่งออกมาหล่อเลี้ยงมะเร็งให้โตขึ้นเร็วราวกับน้ำมันราดบนกองไฟให้คุโชนขึ้น

5) ไวรัสตับอักเสบบีและมีภูมิแพ้ที่รักษาไม่หาย ดังที่กล่าวไปว่าถ้าภูมิดีก็มีพลังต้านมะเร็งได้ตั้งแต่ในเซลล์แรกที่อุตริเกิดขึ้นมา ด้วยตามปกติในกายเราก็มีเซลล์แบบมะเร็งนี้เกิดขึ้นมา อยู่เรื่อยๆ ทุกวัน

6) ปล่อยกายให้อ้วน สร้างให้เกิดธาตุแก่ออกมาแช่อิ่มอวัยวะภายในร่างกาย และไขมันตามตัวยังสร้างให้เกิดฮอร์โมนกระตุ้นให้มะเร ็งแบ่งตัวดีขึ้นด้วย

7) ล้วนขาดวิตามิน ด้วยวิตามินทำหน้าที่ต้านเชื้อมะเร็งให้ดับเป็นจุณไป ก่อนที่จะเผยอหน้าขึ้นมาแบ่งตัวปนเปไปในร่างกายเรา

เจ๋ง กินของร้อนจัดไป เช่น ซดชาร้อนหรือกาแฟร้อนจัดประเภทควันฉุย จะไปลวกให้เซลล์หลอดอาหารอักเสบอยู่ทุกบ่อย เมื่ออักเสบเป็นอาจิณก็จะมีโอกาสเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ม ะเร็งง่ายขึ้น

9) ทำให้คอเลสเตอรอลลดต่ำ พบว่าถ้าต่ำเกินไปก็ไม่ดีครับ มีผลกับภูมิคุ้มกันที่แย่ลง เมื่อภูมิต่ำแล้วก็จะหมดปัญญาต้านเซลล์มะเร็งที่จะเข้ามาหา

10) กลั้นปัสสาวะ น้ำปัสสาวะเป็นของเสียยิ่งอยู่นิ่งเป็นเวลานานจากการ อั้นมันก็ไม่ต่างอะไร กับน้ำนิ่งในคลองแสนแสบ ซึ่งทิ้งไว้ไม่นานจะกลายเป็นน้ำเน่า แต่ถ้าเน่าในกระเพาะฉี่เราก็มีผลให้เกิดเซลล์มะเร็งงอกขึ้นมาได้

11) ปะทะเค็มจัด พบ ว่าสิ่งมีชีวิตที่ทานอาหารเค็มมีอัตราการเกิดมะเร็งสูงกว่า โดยเฉพาะในอาหารจำพวกเนื้อเค็ม เนื้อแห้ง หมูแดง ที่นอกจากเค็มแล้วยังมีสีแดงดีจากดินประสิวอีกด้วย

12) ประวัติมะเร็งในครอบครัว มะเร็งร้ายในครอบครัวบางอย่างสามารถถ่ายทอดมาทางพันธ ุกรรมได้ แม้จะไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์แต่ต้องรับไว้ด้วยความไม่ เต็มใจ เช่น มะเร็งเต้านม , มะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าป้องกันไว้ดีๆ แล้วบางทีก็ไม่เกิดขึ้นมาครับ

13) ตัวตากแดดบ่อย แสงแดดเป็นรังสีที่กระตุ้นอณูเซลล์ของคุณให้สะดุ้งตก ใจจนเครื่องในรวนหมด ครับ เมื่อเครื่องในรวนแล้วก็ไม่สามารถที่จะคุมการแบ่งตัว ได้ ทำให้แบ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งกลายเป็นก้อนใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ

14) ไม่ค่อยช่วยใคร ถ้าพูดให้ง่ายเข้าคือ เห็นแก่ตัวและไม่ค่อยได้ทำบุญนั่นเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่ได้หมั่นช่วยเหลือผู้อื่นจนชินแ ล้วเรามักไม่ค่อยได้นึก ถึงตัวเองนัก และเมื่อไม่หมกมุ่นกับตัวเองแล้วก็ไม่ค่อยเกิดความ "อยาก" อันนำไปสู่ความเครียดร้อนอกร้อนใจ หรือถ้าไม่มีเวลาก็แค่อนุโมทนากับบุญที่เราได้พานพบก ็ทำให้มี "สารสุข" หลั่งออกมาเสริมภูมิรู้สู้มะเร็งแล้วครับ

ด้วยวิถีแห่งการมี "ไลฟสไตล์มรณะ" ทั้ง 14 ประการ ดังที่ได้กล่าวไปก็จะทำให้ได้มะเร็งมาเป็นเจ้าของอย่างง่ายดาย

ขอบคุณ ข้อมูลดี ๆ จาก....
นพ.กฤษดา ศิรามพุช , พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ ( American Board of Anti-aging medicine)

จาก E.mail

นิสัยที่ทำลาย สมอง

BRAIN DAMAGING HABITS

(อุปนิสัยคนเราที่ทำลายการทำงานของสมอง)

1. No Breakfast ไม่ทานอาหารเช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีผลต่อการทำงานของสมอง


2 . Overeating=2.0 การอาหารทานมากเกินไปทำให้เส้นเลือดในสมองหนามีการเกาะตัวของไขมัน การทำงานสมองช้าลง

3. Smoking การสูบบุหรี่ ช่วยให้สมองฝ่อ เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ตามมา
4. High Sugar consumption การทานหวานมาก น้ำตาลจะไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหาร เป็นสาเหตุที่ตามมาของการทำงานที่ดีของสมอง

5. Air Pollution อากาศเป็นพิษ สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการอ๊อกซิเจนมากที่สุดในร่างกายอากาศเสียส่งผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง

6 . Sleep Deprivation การอดนอน ทำให้เซลสมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลใหม่ เซลสมองที่ตายแล้วจะสะสมมีปริมาณมาก เป็นอันตรายในระยะยาว

7. Head covered while sleeping การคลุมหน้าเวลาหลับ ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซที่หายใจออกมาสะสม ก๊าซออกซิเจนที่ต้องการมีไม่พอ สมองจะค่อยๆ ถูกทำลาย

8. Working your brain during illness การทำงานหรืออ่านหนังสือคร่ำเคร่งเวลาป่วยไข้ไม่สบาย นอกจากลดประสิทธิภาพการใช้งานสมองแล้ว ยังช่วยทำลายสมองอีกด้วย


9. Lacking in stimulating thoughts การไม่ใช้สมองเหมือนไม่ออกกำลังกายให้มัน มีผลต่อการทำให้สมองฝ่อ การใช้ความคิดเป็นการฝึกความจำที่ดี (คนอายุมากควรฝึกบ่อย)

10. Talking Rarely คนไม่ค่อยพูดกับใคร มักมีปัญหา เพราะการพูดคุยช่วยให้สมองมีการทำงานและพัฒนา (การคุยแบบสร้างสรรค์ ไม่ใช่ชวนทะเลาะ)


The main causes of liver damage are:
สาเหตุการทำลายตับ

1. Sleeping too late and waking up too late are main cause. การนอนและตื่นได้ทุเรต คือนอนสาย ตื่นสาย ทำให้ตับทำงานผิดเวลา เป็นสาเหตุหลัก

2. Not urinating in the morning. ไม่ฉี่ในตอนเช้า หรือตื่นนอน น้ำปัสสาวะเลยไปขังเหม็นในตับ ตับไม่สดชื่น

3 . Too much eating. กินมากไป ทำให้การทำงานเกินกำลังของตับในการกรองสารอาหาร ทั้งแอลล์กอฮอล์ น้ำหวาน ไขมัน ฯลฯ

4. Skipping breakfast. การงดทานอะไรในตอนเช้า น้ำย่อยกับตับต้องมีการทำงาน

5. Consuming too much medication. การเป็นคนชอบทานยาหลายขนานมากๆ บ่อยๆ และประจำ สารจากยาสังเคราะห์สมัยใหม่จะไปสะสมที่ตับ ช่วยให้ตับเสียเร็วในระยะยาว

6. Consuming too much preservatives, additives, food coloring, and artificial sweetener. การเลือกทานอาหารที่ใช้สารกันบูด สารเพิ่มรสชาติ สารใส่สี น้ำตาลเทียม ล้วนเป็นสิ่งดีๆที่ไปสะสมทำลายตับในระยะยาว

7. Consuming unhealthy cooking oil. การทานน้ำมันปรุงอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น น้ำมันทอดซ้ำมากๆ เวลาเหนื่อยมากๆ ไม่ควรทานอาหารทอด แต่ถ้าร่างกายแข็งแรงก็ไม่เป็นไร ยังทนได้?

8. Consuming raw (overly done) foods also add to the burden of liver. การทานของดิบช่วยทำลายตับได้อย่างดี ควรปรุงสุกก่อนทุกครั้ง และอาหารทอดควรทานให้หมด ไม่ควรเก็บไว้ทานภายหลัง เพราะน้ำมันที่ทอดในอาหารจะแปรสภาพอิ่มตัว

The top five cancer-causing foods are:
อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา
1.. Hot Dogs ฮ็อตดอก เด็กไม่ควรทานเกิน 12 ชิ้นต่อเดือน
เพราะใส่สารโซเดียมในเตรตมาก คนที่ชอบทานควรเลือกสูตรที่ไม่ผสมโซเดียมในเตรต

2. Processed meats and Bacon เนื้อต่าง ๆ ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป และหมูเบคอน จะพบว่าใส่สารโซเดียมในเตรตมาก มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจ ตัวเบคอนเองก็มีไขมันอิ่มตัวที่ไปช่วยการเติบโตของมะเร็ง

3. Doughnuts โดนัท เป็นของชอบที่สุดของมะเร็ง เพราะมีสารและการปรุงที่ถูกวิธี คือ แป้ง น้ำตาล และน้ำมันที่ผ่านกระบวนการไฮโดรเจนแล้ว ทอดในอุณหภูมิที่สูงเพราะฉะนั้นคนที่มะเร็งถามหา หรือยังไม่หา ต้องระวังเป็นพิเศษ

4. French fries มันฝรั่งทอด มีคุณสมบัติดีเด่นเหมือนกับโดนัท ที่ต้องทอดในอุณหภูมิสูงเช่นกัน แต่เด่นกว่าในการผลิตสาร อะครีล อาไมล์ ที่เป็นตัวกระตุ้นมะเร็ง เป็นสุดยอดอาหารมะเร็งถามหา

5. Chips, crackers, and cookies มันฝรั่งทอดแบบแผ่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ และขนมคุ๊กกี้ ทำจากแป้งและน้ำตาล (เหมือนโดนัท) ของต้องห้ามสำหรับคนเกิดปีมะเร็ง
โกรธ โกรธ

ไหว้สา พระธาตุช่อแฮ

ช่อแฮศรีเมือง หลังมาฆะฤกษ์ปีขาล